Van Cleef & Arpels เริ่มต้นเรื่องราวการผจญภัยกลางทะเลหรือ Adventure at sea ด้วยการกางใบเรือออกทะเลตรงสู่แดนไกลสุดขอบฟ้า โดยเหล่านักออกแบบและช่างฝีมือได้ผสานรัตนชาติและทองคำเพื่อถ่ายทอดทัศนียภาพแห่งท้องทะเล ทั้งเชือกใบเรือ คลื่นพลิ้วไหว และมวลสมบัติใต้ท้องน้ำ อย่างงานออกแบบสร้อยคอ “ฟองคลื่นซ่อนหนามเตย” หรือ Écume Mystérieuse ได้แรงบันดาลใจจากจิตรกรรมทะเลทัศน์ที่โด่งดังในศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับครั้งโรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสันกำลังเขียนนิยายเรื่องเกาะมหาสมบัติ รายละเอียดของสร้อยคอถูกออกแบบอย่างประณีต ตั้งแต่เกลียวคลื่น ไปจนถึงละอองน้ำที่สาดกระเซ็น ถ่ายทอดความงดงามและพลังของมหาสมุทรได้อย่างสมจริง
จากวรรณกรรม สู่จินตนาการทางงานออกแบบ
สำหรับเครื่องประดับชั้นสูงคอลเลกชันนี้ Van Cleef & Arpels ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวการผจญภัยในหนังสือนิยาย “เกาะมหาสมบัติ” หรือ Treasure Island (สำหรับนิยายแปลภายใต้ชื่อ “ล่าขุมทรัพย์เกาะมหาสมบัติ” ได้รับการจัดให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาประเภทระทึกขวัญ และผจญภัย) งานประพันธ์โดยนักเขียน และกวีสัญชาติสก็อตแลนด์ โรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน ทำการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1883
ความประทับใจในเนื้อหาของนวนิยายชิ้นนี้ นำไปสู่จินตนาการร่วมระหว่างทีมนักออกแบบ, ช่างศิลป์งานฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ของเมซง รังสรรค์ขึ้นเป็นเรื่องราวการเดินทางครั้งใหม่ผ่านตัวละครเครื่องประดับที่พากันออกผจญภัยด้วยจิตใจหาญกล้าเพื่อค้นหาศฤงคารตระการตาซึ่งซุกซ่อนบนเกาะลับแลอันมีเพียงธรรมชาติเป็นผู้ปกครองสูงสุด
เข็มกลัดเรือใบสเปน “เอสปานิโญลา” (Hispaniola clip)
จากบันทึกประวัติศาสตร์ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสตั้งชื่อเกาะกลางทะเลที่เขาค้นพบ และและประกาศให้เป็นส่วนหนึ่งในอาณานิคมของสเปนเมื่อปีค.ศ. 1492 ว่า “เอสปานิโญลา” โดยสันนิษฐานว่าเป็นชื่อเดียวกับเรือใบเดินสมุทร ซึ่งแปลว่า “ของสเปน” หรือ “ชาวสเปน” และได้รับการรังสรรค์มาสู่เข็มกลัดกางใบงามสง่า พร้อมพุ่งทะยานท้าเกลียวคลื่นสู่เกาะมหาสมบัติ ขนาด และความสลับซับซ้อนของใบเรือทองคำสีขาวฝังเพชรด้วยลูกเล่นเรียงแถวทั้งแนวตั้ง และแนวนอน นำมาซึ่งผลลัพธ์สามมิติเสมือนผ้าลินินใบเรือในยุคนั้นได้อย่างสมจริง
ไหวพริบในการคำนวณ และจัดตำแหน่งโมทิฟใบเรือแต่ละชิ้นให้ซ้อนสลับระหว่างแผ่นแม่ลายฝังเพชรเรียวแถวแนวตั้งกับแนวนอน อำนวยต่อการถ่ายทอดอากัปรับแรงลมเป็นพลังขับเคลื่อนตัวเรือโลหะสลักลายริ้วยาว จำลองแบบงานต่อแผ่นไม้กระดานโครงสร้างตัวเรือขนาดกลาง ตัดกับงานขัดผิวเรียบเนียนทอประกายสุกสกาวของเครื่องเสาหัวเรือที่เติมเต็มความสมบูรณ์แบบสุดยิ่งยงให้แก่เรือใบสเปน “เอสปานิโญลา” อันเกริกไกร
เข็มกลัด “ลำนำมหรรณพ” (Poésie de la mer clip)
ราวจำแลงหยาดหยดจากน้ำทะเลให้มาปรากฏบนตัวเรือนเข็มกลัดทองคำสีขาว ประกายสุกสกาวของทุรมาลีสีเขียวน้ำทะเลหาอันหาได้ยากยิ่งสะกดทุกสายตาจากขนาดที่ใหญ่ถึง 61.73 กะรัต ด้วยงานเจียระไนหลังเบี้ยทรงหยดน้ำ เผยให้เห็นความหมดจดงดงามตามธรรมชาติในเนื้อพลอยกระจ่างใสเฉกเช่นเวิ้งน้ำทะเลแดนไกล เป็นที่พำนักของนางเงือกสาวประติมากรรมทองคำสีขาวสุดอ่อนช้อย ตัวแทนธรรมเนียมเครื่องประดับรูปกายสตรีซึ่งเมซงได้ริเริ่มขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1940 ภายใต้รัดเกล้าทรงกระบังระยับแสง คือดวงหน้าเพชรเหลี่ยมกุหลาบเม็ดเดี่ยว โดยมีเพชรน้ำกับไพลินสีน้ำเงินหลากเฉดร่วมกันเติมรายละเอียดจากเรือนผมยาวสลวยไปจนถึงปลายหาง ตลอดจนขดโค้งเกลียวคลื่นของท้องทะเล
สร้อยคอ “ฟองคลื่นซ่อนหนามเตย” (Écume Mystérieuse Necklace)
งานออกแบบสร้อยคอ “ฟองคลื่นซ่อนหนามเตย” หรือ Écume Mystérieuse (เอกูม มิสเตริเยอซ์) ถือเป็นผลงานอ้างอิงถึงจิตรกรรมทะเลทัศน์ อันได้รับความนิยมอย่างยิ่งระหว่างศตวรรษที่ 19 ช่วงเวลาเดียวกับครั้งโรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสันกำลังเขียนนิยายเรื่องเกาะมหาสมบัติ แต่ละรายละเอียดบนตัวเรือนสร้อยคอคือบทจำลองอย่างสมจริงของเกลียวคลื่น,พรายฟอง และละอองน้ำสาดกระเซ็น ซึ่งล้วนแสดงให้ประจักษ์ถึงพลังแห่งมหาสมุทรได้อย่างแยบคาย
บทบรรจบระหว่างงานออกแบบลายซ้ำกับการใช้สัดส่วนอสมมาตร นำมาซึ่งโมทิฟเกลียวคลื่นขดวนทำจากทองคำสีขาวฝังเพชรไล่ลำดับขนาดตัดกับสายน้ำสีน้ำเงินเข้มของงานฝังไพลินซ่อนหนามเตยตลอดครึ่งวงโครงสร้างตัวเรือน ส่วนอีกครึ่งนั้นคืองานฝังเพชรลูกเรียงแถวเดี่ยวประกบขนานสามแนวเพื่อเติมเต็มกลไกเปิด และปิดในการสวมใส่ตรงตำแหน่งท้ายทอยโดยมีงานประดับเพชรน้ำทรงกลมกับไพลินสีฟ้ากระจ่างทรงกลมต่างกระเซ็นละอองน้ำของฟองคลื่นเติมความวิจิตรบรรจงทางรายละเอียด
เข็มกลัด “ระบำมัจฉาซ่อนหนามเตย” (Poissons Mystérieux clip)
ระหว่างล่องเรือสู่จุดหมายปลายทาง หากโชคดี กลาสีเภตรา “เอสปานิโญลา” คงมีโอกาสได้เห็นลีลาเริงระบำของฝูงปลากลางเวิ้งน้ำมหาสมุทร ซึ่งถูกจำแลงลักษณ์ให้มาปรากฏความงามอย่างถาวรบนเข็มกลัด “ระบำมัจฉาซ่อนหนามเตย” หรือ Poissons Mystérieux (ปัวส์ซงส์ มิสเตริเยอกซ์) ชิ้นนี้เพื่อความสมจริงของสรรพสีในพลิ้วระลอกคลื่นกลางห้วงน้ำ งานฝังกระจกสีซ่อนหนามเตยหรือ Vitrail Mystery Set (วิตราย มิซเซอรี เซ็ต เป็นงานจำลองเทคนิคกรุหน้าต่างกระจกสีมาใช้กับงานฝังอัญมณีต่างเฉดเพื่อขึ้นตัวเรือนกลบร่องโลหะรองล่าง) ถูกนำมาใช้กับไพลินไล่เฉดโทนจากฟ้าอ่อนถึงน้ำเงินสด สู่ม่วงอ่อนอมชมพู และม่วงเข้ม โดยที่แต่ละเม็ดอาศัยงานเจียระไนยกหน้าตัดนูนสูงทวีประกายกระจ่างใสของน้ำพลอย ก่อลีลาสะท้อนแสงสุกใสจรัสประกายพรายพร่างอำพรางโครงสร้างตัวเรือนอย่างแยบคาย
ท่ามกลางความกระจ่างใสสลับสีของพลิ้วน้ำไพลินคือมัจฉาชาติทองคำสีขาวฝังเพชรแหวกว่ายคล้ายเริงระบำร่วมกับงานเดินขอบรอบตัวเรือนด้วยเพชรลูกต่างละอองน้ำของฟองคลื่นกับไพลินเจียระไนทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสไล่เฉดตามลำดับโทนต่างกระแสน้ำลึกเติมเต็มความอ่อนช้อยให้ชิ้นงานอย่างละเมียดละไม
สร้อยคอ “เกลียวเชือกเงื่อนเลขแปด” (Cordage infini) ดัดแปลงวิธีสวมใส่ได้พร้อมต่างหูเข้าชุด
ด้วยความลื่นไหล อ่อนช้อย เรียบง่าย และต่อเนื่องของเส้นมิติทรงโครงสร้าง สร้อยคอ “เกลียวเชือกเงื่อนเลขแปด” หรือ Cordage infini (กอรดาแช็งฟินิ) ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากศิลปะการผูกเงื่อนมัดปมเชือกของเหล่ากลาสี ถ่ายทอดมาสู่ตัวเรือนทองคำขาวฝังเพชรลูกแถวเดี่ยวจำลองแบบเกลียวเชือกเรือทบคู่กระหวัดร้อยเข้ากับห่วงโค้งเกลียวเชือกฝังไพลินเจียระไนทรงเหลี่ยมบาแก็ตต์ตรงอีกด้านเพื่อทิ้งชายลงมาเหนือหว่างทรวงอกท่ามกลางโมทิฟเงื่อนเลขแปดฝังไพลินเหลี่ยมบาแก็ตต์ เติมเต็มความลงตัวของลูกเล่นสีตัดระหว่างอัญมณีด้วยโมทิฟพู่ระย้าจี้ไพลินทรงหยดน้ำสองเม็ดหยาดตัวลงมาในระดับอสมมาตร
เข็มกลัดโจรสลัดสามสหาย (Trio of Pirates)
เข็มกลัดสามตัวละคร สามบุคลิก งามสง่า กล้าหาญ และซุกซน ประกอบไปด้วยโจรสลัดลอง จอห์น ซิลเวอร์ (จอห์น), ดร.เดวิด ไลฟซีย์ (เดวิด) และจิม ฮอว์กินส์ (จิม) จากในนิยายของโรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน ร่วมกันถ่ายทอดความกระหายจะออกผจญภัยล่าสมบัติผ่านท่วงท่าอากัปอันแสดงออกถึงความมาดมั่น แน่วแน่
งานออกแบบรูปทรงตัวเรือนเข็มกลัดแต่ละชิ้น อาศัยความลงตัวของทองคำสามเฉดสีร่วมกันรองรับประกายระยับวับวาวของเหล่ารัตนชาติเลอค่า มิติทรงเต็มไปด้วยรายละเอียดจำลองความสมจริงตั้งแต่ผ้าแจ็กเก็ตเนื้อนุ่ม ไปจนถึงความอ่อนช้อย บางเบาของขนนกประดับหมวก เป็นผลจากความประณีตในงานฝีมือสลักเสลาประติมากรรมไขแว็กซ์เขียวสำหรับขึ้นแบบตัวละครที่สวมเสื้อผ้า และเครื่องประดับครบครันตามจินตนาการก่อนนำไปสู่ขั้นตอนหล่อแบบตัวเรือนเครื่องประดับด้วยเทคนิคสูญขี้ผึ้งกับแต่ละชิ้นส่วนด้วยการใช้ทองคำหลอมเหลวต่างสีก่อนนำออกจากแม่พิมพ์มาผ่านการขัดเงา เก็บงานให้หมดจดไม่ว่าจะเป็นส่วนของรองเท้า เครื่องประดับศีรษะ หรือกระทั่งงานสลักตัวเลขโรมันระบุวันก่อตั้งเมซงบนม้วนเอกสารในวงแขนของโจรสลัดเดวิด หรืองานค้อนดุนลายบนแผ่นทองกับทองคำแท่ง
บนตัวเรือนประติมากรรมสามมิติของเข็มกลัดเหล่านี้ ยังแสดงให้เห็นถึงลูกเล่นในการออกแบบน้ำหนักเชิงสัณฐาน อย่างแขนเสื้อพองฟูของเดวิดที่ช่วยทวีความน่าเกรงขามทางท่วงท่า ในขณะที่จิมผู้ถือกล้องส่องทางไกลไว้ในมือระหว่างชะโงกตัวลงมาจากตำแหน่งยอดเสาเรือ แผ่นทองคำฝังเพชรต่างหนังม้วนในมืออีกข้างก็คลี่ตัวทิ้งลงมาได้อย่างสมจริง
เข็มกลัดโจรสลัดจอห์น ถูกออกแบบด้วยความประณีต โดยใช้ทองคำสามเฉดสีผสานกับประกายของรัตนชาติอันเลอค่า รูปทรงสามมิติเต็มไปด้วยรายละเอียดสมจริง ตั้งแต่เนื้อผ้าแจ็กเก็ตอันนุ่มนวล ไปจนถึงความบางเบาของขนนกบนหมวก แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบของชิ้นงาน
สร้อยคอ “ห้วงลึกมหรรณพ” (En haute mer) ดัดแปลงวิธีสวมใส่ได้พร้อมแหวนเข้าชุด
ในขณะที่สร้อยคอเกลียวเชือกเงื่อนเลขแปดคือการงานออกแบบสัดส่วนอสมมาตรยกย่องศิลปะผูกเงื่อนมัดปมเชือกของชาวเรือ สร้อยคอ “ห้วงลึกมหรรณพ” หรือ En haute mer (อ็องโนตแมร) คือการรังสรรค์เงื่อนมัดปมเชือกเกลียวขึงตาข่ายผ่านลูกเล่นสมมาตร ก่อความต่อเนื่องให้กับบรรดาโมทิฟซ้ำลายประกอบชิ้นส่วนเป็นโครงสร้างตัวเรือนสุดวิจิตรบรรจงนอกจากนั้น การสรรค์สร้างผลงานถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัยของโจรสลัดจิม ฮอว์กินส์กับผองลูกเรือชิ้นนี้ ยังอาศัยแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ในงานประดิษฐกรรมเชิงเทคนิค “เกลียวทองคำ” ของ Van Cleef & Arpels อันเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายระหว่างทศวรรษ 1940 มารังสรรค์ตัวเรือนสร้อยคอจำลองแบบตาข่ายเชือกขึงดาดฟ้าเรือ ซึ่งเต็มไปด้วยเงื่อนแบบต่างๆ จากการมัดปมระหว่างเกลียวทองคำสีเหลืองขัดเกลียวทองคำสีขาว ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนขัดสมาธิ, เงื่อนยายแก่หรือเงื่อนตาย, เงื่อนพิรอด และเงื่อนตะกรุดเบ็ด งานประกอบชิ้นส่วนซ้ำลายอย่างต่อเนื่องตลอดโครงสร้างมอบผลลัพธ์สามมิติ เต็มไปด้วยความอ่อนช้อย เฉกเช่นทาบตาข่ายเกลียวทองคำสลับสีอิงตัวกับสรีระฐานลำคอของผู้สวมใส่ได้อย่างแนบเนียน
บทเติมเต็มความวิจิตรตระการตาของงานฝีมือรังสรรค์ศิลปะผูกเงื่อนมัดปมของชาวเรือ ยังปรากฏผ่านโมทิฟเกลียวทองคำสีขาวฝังเพชรรัดร้อยเกลียวทองคำสีเหลืองเป็นห่วงล้อมไพลินสีน้ำเงินเจียระไนทรงเหลี่ยมมรกตขนาดอลังการ 55.34 กะรัตจัดตำแหน่งแนวนอนสะท้อนความล้ำลึกของห้วงมหาสมุทร จี้สร้อยคอนี้ สามารถปลดแยกชิ้นมาใช้เป็นหัวแหวนบนตัวเรือนถ่ายทอดลายลักษณ์เกลียวเชือกทองคำสีขาวคาดเกลียวทองคำสีเหลืองจากแถบสายสร้อยให้เข้าชุดกันได้อย่างงดงาม
ตลับ “ปริศนาในพลิ้วคลื่น” (Onde Mystérieuse)
นอกจากเครื่องประดับอัญมณีแล้ว Van Cleef & Arpels ยังมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักจากงานออกแบบสร้างสรรค์ผลงานศิลปวัตถุล้ำค่ามานับแต่ก่อตั้ง และตลับ “ปริศนาในพลิ้วคลื่น” หรือ Onde Mystérieuse (องเดอ มิสเตริเยอซ์) อันเป็นเสมือนเวทีระดมพรสวรรค์ ความสามารถต่างแขนง ระหว่างช่างขึ้นแบบตัวเรือนเครื่องประดับ, ช่างฝีมือผลิตนาฬิกา, ช่างศิลป์ลงยา และช่างเจียระไน มาหลอมรวมร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัยกลางท้องทะเลชิ้นนี้ก็เช่นกัน
ฐานโครงสร้าง หรือก้นตลับทำจากหินควอร์ตซ์สีน้ำเงินคราม ซึ่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีวิทยาของ Van Cleef & Arpels ได้ร่วมกันคัดเลือกโดยพิจารณาจากความสม่ำเสมอ กลมกลืน ทั้งในแง่เนื้อสัมผัส และเนื้อสีที่ปรากฏเส้นริ้ว รอยตำหนิ อันชวนให้นึกถึงความสลับซับซ้อนของกระแสน้ำลึกกลางห้วงมหรรณพ
งานค้อนดุนลายในเนื้อทองคำสีขาว ถูกนำมาใช้เดินขอบหุ้มไม้มะเกลือทั้งในส่วนของตัวตลับบนฐานหินควอร์ตซ์น้ำเงิน และในส่วนของฝาตลับรองรับงานประดับลายนูนประติมากรรมฝูงปลาทองคำสีขาว และทองคำสีกุหลาบแหวกว่ายกลางพลิ้วระลอกคลื่นลงยาล่องกระจกหรือ paillonné (ไปญอนเน) ซึ่งสำหรับผลงานชิ้นนี้ เมซงได้เลือกใช้แผ่นเงินบางเฉียบลงยาเงาโปร่งใสทำจากผงซิลิกา ก่อนผ่านความร้อนสูงเพื่อทำการตัดแผ่นเงินเปลวตามรูปทรงลวดลายที่ต้องการสำหรับนำมาผนึกแนบกับพื้นผิวหน้างาน แล้วทำการผ่านความร้อนสูงอีกครั้งก่อนลงยาเคลือบเงาซ้ำอีกสองครั้งเป็นอย่างน้อยเพื่อให้เคลือบลงยาโปร่งใสเป็นเงางาม อำนวยให้แสงตกกระทบโลหะไปญอนเนก่อประกายระยิบระยับ มอบผลลัพธ์ราวกับพลิ้วคลื่นกระเพื่อมลดหลั่นไล่ระลอกอย่างต่อเนื่อง
นอกจากโจทย์ท้าทายความสามารถของช่างศิลป์งานฝีมือในส่วนของโมทิฟประดับลายใหญ่บนตลับปริศนา ก็ยังมีตัวกลัด ซึ่งสามารถปลดออกสลับสับเปลี่ยนกันได้อีกสองชิ้น ชิ้นแรกเป็นโมทิฟขดคลื่นตัวเรือนทองคำสีขาวรองรับงานฝังไพลินซ่อนหนามเตยประดับเพชรจำลองลายวงก้นหอย ส่วนโมทิฟทองคำสีขาวอีกชิ้น อาศัยงานฝังเพชรเดี่ยวเดินลายขวดคลื่นวงก้นหอยประดับทุรมาลีสีฟ้ากับไพลินสีน้ำเงิน ซึ่งเมื่อเลื่อนแผ่นโมทิฟบนฝาตลับ ก็จะปรากฏหน้าปัดนาฬิกาฝังเพชรจิกไข่ปลา โดยมีไพลินเม็ดเดี่ยวต่างตำแหน่งเลข 12 เอื้อต่อการดูเวลา
สร้อยคอ “โบว์ผ้ากลาสี” (Moussaillon Necklace)
สร้อยคอ “โบว์ผ้ากลาสี” หรือ Moussaillon (มูซ์เซญง) เส้นนี้ อาศัยเอกลักษณ์ทางงานออกแบบเครื่องประดับแฟชัน หนึ่งในแรงบันดาลใจที่เมซงชมชอบด้วยการจำลองแบบรูปลักษณ์ของปมโบว์ผูกผ้าพันคอหรือ “โบว์ไท” สุภาพบุรุษอย่างที่เรียกว่า lavallière (ลาวาแญร) อันเป็นที่นิยมอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายทุกชนชั้นในยุคซึ่งมีการพรรณนาถึงตามเนื้อหานิยาย “เกาะมหาสมบัติ” มาสู่โครงสร้างตัวเรือนทองคำสีเหลืองถอดแบบผ้าพันคอบิดเกลียวหลวมที่ใช้พันรอบคอเสื้อแล้วผูกโบว์ขนาดใหญ่ไพล่ไปทางขวาของฐานคอโดยมีโกเมนสีส้มสด “สเปซซาไทต์” เม็ดเดี่ยวขนาด 23.47 ต่างปมโบว์
ด้วยการใช้ไขแว็กซ์เขียวขึ้นแบบเสมือนจริงของผ้าพันคอบิดเกลียวหลวมสำหรับหล่อโครงสร้างตัวเรือนด้วยเทคนิคสูญขี้ผึ้ง อันประกอบไปด้วยชิ้นส่วนโลหะเลอค่า นั่นก็คือทองคำสีขาว, ทองคำสีกุหลาบ และทองคำสีเหลือง มอบผลลัพธ์แสดงความสำเร็จของช่างขึ้นแบบตัวเรือนเครื่องประดับประจำเมซงในการสรรค์สร้างประติมากรรมสามมิติให้เต็มไปด้วยรอยยับผ้าจากการบิดเกลียวขึ้นร่อง และโค้งจีบอ่อนช้อย ต้องแสงทอประกายเงางามระยับวาวเฉกเช่นแพรไหมถักทอจากทองคำรองรับรายละเอียดฝังเพชรเดินเส้นละเมียดละไมพันกระหวัดไปตามเกลียวผ้าเป็นลูกเล่นตัดเฉดทวีความคมชัดทางน้ำหนักสีกับความเงางามของเนื้อสัมผัสดุจอาภรณ์เลอค่าก่อนเติมเต็มความหรูหราลำดับท้ายสุดด้วยพู่ระย้าทิ้งสายแกว่งไกวจากงานฝังเพชรสลับไพลินประดับชายผ้าปลายโบว์ทั้งสองข้าง
@VanCleefArpels #VCAHighJewelry #VanCleefArpels #TreasureIsland