เมื่อเดินเข้าสู่ร้าน Jharokha by Indus ความประทับใจแรกเริ่มด้วยการตกแต่งที่หรูหราและงดงาม ผสมผสานระหว่างศิลปะอินเดียโบราณและความทันสมัยได้อย่างลงตัว การจัดแสงสีที่นุ่มนวลและอบอุ่นทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารค่ำกับคนรู้ใจหรือการสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง

บริการ: ⭐⭐⭐⭐⭐

การบริการที่นี่ถือว่าดีเยี่ยม พนักงานทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ มีความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเมนูอาหารเป็นอย่างดี ยิ้มแย้มแจ่มใสและพร้อมให้คำแนะนำเสมอ การเสิร์ฟอาหารรวดเร็วและเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นและน่าประทับใจ

อาหาร: ⭐⭐⭐⭐⭐

เมนูอาหารของ Jharokha by Indus เป็นการรวบรวมความอร่อยจากทุกมุมของอินเดียมาไว้ที่นี่ ทั้งเมนูมังสวิรัติและเนื้อสัตว์มีความหลากหลายและครบครัน คุณภาพของวัตถุดิบสดใหม่ และการปรุงรสชาติทำได้อย่างพิถีพิถัน

  • เมนูแนะนำ:
  1. ไก่ทิกก้ามาซาล่า – ไก่นุ่มๆ หมักเครื่องเทศจนได้รสชาติกลมกล่อม เป็นเมนูที่ไม่ควรพลาด
  2. ซาโมซ่า – แป้งบางกรอบ ไส้ในหอมเครื่องเทศ ทำให้รู้สึกสดชื่น
  3. โรแกนจอช – แกงแกะที่ปรุงอย่างเข้มข้น หอมกรุ่นไปด้วยเครื่องเทศ หอมเครื่องแกงจนยากจะวางช้อน
  4. นานกระเทียม – ขนมปังนานที่อบสดใหม่ ทานคู่กับแกงหรือทานเปล่าๆ ก็อร่อย

ราคา: ⭐⭐⭐⭐

ราคาอาหารที่ Jharokha by Indus สอดคล้องกับคุณภาพและบรรยากาศของร้าน ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพและประสบการณ์ที่ได้รับ เหมาะสำหรับการมาทานในโอกาสพิเศษหรือแม้แต่การทานอาหารกลางวันแบบหรูหรา

สรุป: ⭐⭐⭐⭐⭐

Jharokha by Indus เป็นร้านอาหารที่น่าประทับใจทั้งในด้านบรรยากาศ บริการ และอาหาร หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การทานอาหารอินเดียแท้ๆ ในบรรยากาศหรูหรา ที่นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด คุณจะได้สัมผัสกับรสชาติที่หลากหลายและการบริการที่อบอุ่น ซึ่งจะทำให้การมาเยือนครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ยากจะลืม


### รีวิว JHAROKHA by Indus: การผสมผสานของอาหารอินเดียดั้งเดิมและความทันสมัย
JHAROKHA by Indus เสิร์ฟอาหารทั้งในรูปแบบอะลาคาร์ตและคอร์สเมนู โดยเน้นการใช้เตาอบถ่านและการย่างเป็นหลัก เชฟชาวอินเดีย Sanket Hoskote นำทีมครัวด้วยความตั้งใจที่จะทำให้อาหารอินเดียเข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน เนื่องจากร้านตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยนักเดินทางจากทั่วโลก
### เมนู Chutneys Set (250/350 บาท)
สำรับเครื่องจิ้มสไตล์อินเดียที่สามารถเลือกดิปได้ระหว่าง 3 หรือ 5 รสชาติ สำหรับเราชอบดิปมะเขือย่างเตาถ่านผสมพริก, พริกดองผสมชีสนมแพะ และโยเกิร์ตกระเทียมย่าง ทั้งหมดนี้มีรสชาติที่หลากหลายและเข้มข้น
### ของกินเล่นที่แนะนำ
– **Sesame Leaf Chaat (220 บาท):** จาฏที่ใช้ใบงาทอดกรอบ เคี้ยวเพลิน
– **Bhuna Kaleji (350 บาท):** คุกกี้กุหลาบไส้ปาเต้ตับไก่ หอมอร่อย
– **Bheja Pav (490 บาท):** โทสต์สมองแพะโรยมันฝรั่งกรอบ เป็นเมนูที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่อยากลองสิ่งใหม่
### เมนูย่างซิกเนเจอร์
– **Himalayan Gucchi & Khumb (450 บาท):** เห็ดมอเรลยัดไส้ซอสสไตล์ตะวันออกกลาง
– **Batak Seekh Kebab (480 บาท):** เนื้อเป็ดบดเสียบไม้กับซอสสับปะรด หอมหวาน
– **Shikari Maas Ke Sule (650 บาท):** เนื้อแกะออสเตรเลียย่างที่หอมนุ่ม
### เมนูจานหลัก
มีทั้งข้าวและแกงที่สามารถจับคู่กันได้อย่างลงตัว แนะนำให้ลอง:
– **Chicken Mewar Malai Biryani (500 บาท):** ข้าวหุงพร้อมเนื้อไก่สไตล์อินเดีย ทานกับแกงถั่วเลนทิล **Daal Jharokha (390 บาท)**
– **Naan (120-180 บาท):** ขนมปังอินเดียแบบธรรมดาหรือผสมชีส จับคู่กับแกงอย่าง **Paneer Anarkali (450 บาท):** แกงมังสวิรัติที่เสิร์ฟชีสสอดไส้พร้อมแกงผสมมะเขือเทศและทับทิม หรือ **Champaran Gosht (590 บาท):** แกงเนื้อแกะที่มาในหม้อร้อนๆ พร้อมแผ่นโรตีด้านบน
### คอร์สเมนูมื้อกลางวัน
สำหรับใครที่มีเวลาจำกัด ทางร้านยังมีคอร์สเมนูมื้อกลางวันในราคา 690++ บาท เหมาะสำหรับการชวนเพื่อนมาทานอาหารอินเดียแบบชิลๆ
JHAROKHA by Indus เป็นสถานที่ที่ลงตัวระหว่างความหรูหราและความอร่อยของอาหารอินเดีย ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์นี้ไม่ควรพลาด

ร้านอาหาร Jharokha by Indus เป็นหนึ่งในร้านอาหารอินเดียที่โดดเด่นในกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจและควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม ด้วยการตกแต่งที่งดงามและบรรยากาศที่อบอุ่นทำให้ร้านนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง

บรรยากาศ: ร้าน Jharokha by Indus มีการตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราและศิลปะอินเดียแบบดั้งเดิม ทำให้บรรยากาศภายในร้านรู้สึกผ่อนคลายและน่าสนใจ มีการใช้แสงไฟที่นุ่มนวลสร้างความโรแมนติกและอบอุ่น

อาหาร: อาหารที่นี่มีความหลากหลายและรสชาติที่อร่อย ทุกจานที่เสิร์ฟมีการนำเสนออย่างพิถีพิถัน โดยมีเมนูยอดนิยมอย่าง Chicken Tikka Masala, Butter Chicken และ Biryani ที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีอาหารมังสวิรัติที่หลากหลายสำหรับผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์อีกด้วย

บริการ: พนักงานที่นี่ให้บริการด้วยความเป็นมืออาชีพและเป็นกันเอง พวกเขาใส่ใจในรายละเอียดและพร้อมที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเมนูอาหาร รวมถึงการจัดการคำขอพิเศษต่างๆ ด้วยรอยยิ้ม

ราคา: ราคาของอาหารและเครื่องดื่มที่ Jharokha by Indus ถือว่าอยู่ในระดับกลางถึงสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพของอาหาร บรรยากาศ และการบริการแล้ว นับว่าคุ้มค่า

สรุป: Jharokha by Indus เป็นร้านอาหารอินเดียที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่มีคุณภาพในบรรยากาศที่หรูหราและเป็นกันเอง อาหารอร่อย บริการดี และบรรยากาศที่น่าประทับใจ ทำให้ร้านนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการทานอาหารอินเดียในกรุงเทพฯ

นี่คือร้านใหม่ในเครือของร้านอาหารอินเดีย Indus ร้านรางวัล LINE MAN Wongnai Users’ Choice 2024 ยิ่งแตกแบรนด์มาสู่ Jharokha by Indus บนชั้น 2 ของตึก Erawan Bangkok ยิ่งทำให้เข้าถึงแฟนคลับมากขึ้นอีก แน่นอนว่าที่นี่มีความต่างจาก Indus อยู่บ้าง ในเรื่องของบรรยากาศและสไตล์อาหารที่โมเดิร์นขึ้น
.
จาโรก้า มาในบรรยากาศของโปโลคลับในแคว้นราชสถานที่มีความหรูหราด้วยไม้มะฮอกกานี และหนัง รวมถึงรูปวาดของนกยูงที่สื่อถึงกษัตริย์และอำนาจในอินเดีย สำหรับคำว่า Jharokha มีความหมายว่า หน้าต่าง ที่ต้องการสื่อสารกับคนกินว่าที่นี่เปรียบได้กับหน้าต่างไปสู่โลกของอาหารอินเดีย
.
ส่วนคอนเซปต์ของอาหารนำเสนออินโนเวทีฟ ที่สำคัญที่นี่เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ไก่ออร์แกนิกจากคลองไผ่ในโคราช เนื้อปูจากสุราษฏร์ธานี และผักผลไม้ที่ปลูกในบ้านเรา โดยมีเชฟ Sanket Hoskote ที่เคยทำงานกับ Carnival by Tresind ร้านโมเดิร์นอินเดียในดูไบ และ Alchemy ในบังกาลอร์ อินเดีย ซึ่งไ้ดทำงานร่วมกับตำนานเชฟอย่าง Hari Nayak
.
มาที่นี่คุณสามารถเริ่มต้นที่ค็อกเทลที่บาร์ในส่วนต้อนรับ ก่อนมากินอาหารที่ห้องอาหารหลัก เราเริ่มจาก Bhuna Kalejji คุกกี้รูปกุหลาบที่ยัดไส้ด้วยปาเต้ไก่ผสมเครื่องเทศ ตามด้วย Bheja Pav เฟรนซ์โทสต์หน้าสมองแพะและมันฝรั่งทอดกรอบ Himalayan Gucchi and Khumb เห็ดมอเรลจากเทือกเขาหิมาลัยยัดไส้ครีมย่างถ่านกับเห็ดนางรมซูวีด และเกรวีเห็ดมอเรล แต่ที่ชอบเป็น Chutney platter รากบัวทอด กับนานจิ๋ว กินกับชัตเน่ต่าง ๆ
.
Batak Seekh Kebab เคบับเนื้อเป็ดย่างทันดูร์มาพร้อมกับชัตเน่สับปะรด ตามด้วย Shikari Maas ke Sule สันในแกะหมักกับพริก Mathania ส่งตรงจากราชสถาน นำไปย่างใน Kopa
.
มาที่เมนคอร์ส Champaran Gosht เนื้อแพะตุ๋นนาน 6 ชั่วโมง ในหม้อดินที่ปิดด้วยแผ่นแป้ง ทำให้ด้านในร้อนระอุ มีข้าวบริยานี นาน กาลิคนาน ให้เลือกกินด้วยกัน นอกจากนี้ยังมี Paneer Anarkli แกงกะหรี่ชีสพานีย์
.
จบด้วยของหวาน เราชอบนะไม่หวานแบบที่เคยกิน จานแรกเป็น Kesar Falooda ไอศกรีมกลิ่นกุหลาบกับโดมซัฟฟรอน Banana Kulfi ที่หน้าตาเป็นรังผึ้ง ไอศกรีมกลิ่นกล้วย กินกับน้ำผึ้งดอกลำใย และมูสมะพร้าว และ Pondi “Cherry” ที่ใช้ช็อกโกแลตจากเมือง Pondicherry มากินกับ Himachai Cherries
.
Jharokha by Indus ชั้น 2 ของตึก Erawan Bangkok
11:30 – 22:30 น.
@jharokhabyindus #wongnaivibes #trendyvibes

JHAROKHA by Indus 

Address: Erawan Bangkok ชั้น 2

Open: ทุกวัน เวลา 11.00-22.30 น.

Contact: JHAROKHA by Indus

Budget: 1,000-2,000 บาท

Facebook Comments Box