เมื่อเดินเข้าสู่ร้าน Jharokha by Indus ความประทับใจแรกเริ่มด้วยการตกแต่งที่หรูหราและงดงาม ผสมผสานระหว่างศิลปะอินเดียโบราณและความทันสมัยได้อย่างลงตัว การจัดแสงสีที่นุ่มนวลและอบอุ่นทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารค่ำกับคนรู้ใจหรือการสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง
บริการ: ⭐⭐⭐⭐⭐
การบริการที่นี่ถือว่าดีเยี่ยม พนักงานทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ มีความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเมนูอาหารเป็นอย่างดี ยิ้มแย้มแจ่มใสและพร้อมให้คำแนะนำเสมอ การเสิร์ฟอาหารรวดเร็วและเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นและน่าประทับใจ
อาหาร: ⭐⭐⭐⭐⭐
เมนูอาหารของ Jharokha by Indus เป็นการรวบรวมความอร่อยจากทุกมุมของอินเดียมาไว้ที่นี่ ทั้งเมนูมังสวิรัติและเนื้อสัตว์มีความหลากหลายและครบครัน คุณภาพของวัตถุดิบสดใหม่ และการปรุงรสชาติทำได้อย่างพิถีพิถัน
- เมนูแนะนำ:
- ไก่ทิกก้ามาซาล่า – ไก่นุ่มๆ หมักเครื่องเทศจนได้รสชาติกลมกล่อม เป็นเมนูที่ไม่ควรพลาด
- ซาโมซ่า – แป้งบางกรอบ ไส้ในหอมเครื่องเทศ ทำให้รู้สึกสดชื่น
- โรแกนจอช – แกงแกะที่ปรุงอย่างเข้มข้น หอมกรุ่นไปด้วยเครื่องเทศ หอมเครื่องแกงจนยากจะวางช้อน
- นานกระเทียม – ขนมปังนานที่อบสดใหม่ ทานคู่กับแกงหรือทานเปล่าๆ ก็อร่อย
ราคา: ⭐⭐⭐⭐
ราคาอาหารที่ Jharokha by Indus สอดคล้องกับคุณภาพและบรรยากาศของร้าน ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพและประสบการณ์ที่ได้รับ เหมาะสำหรับการมาทานในโอกาสพิเศษหรือแม้แต่การทานอาหารกลางวันแบบหรูหรา
สรุป: ⭐⭐⭐⭐⭐
Jharokha by Indus เป็นร้านอาหารที่น่าประทับใจทั้งในด้านบรรยากาศ บริการ และอาหาร หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การทานอาหารอินเดียแท้ๆ ในบรรยากาศหรูหรา ที่นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด คุณจะได้สัมผัสกับรสชาติที่หลากหลายและการบริการที่อบอุ่น ซึ่งจะทำให้การมาเยือนครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ยากจะลืม
ร้านอาหาร Jharokha by Indus เป็นหนึ่งในร้านอาหารอินเดียที่โดดเด่นในกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจและควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม ด้วยการตกแต่งที่งดงามและบรรยากาศที่อบอุ่นทำให้ร้านนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง
บรรยากาศ: ร้าน Jharokha by Indus มีการตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราและศิลปะอินเดียแบบดั้งเดิม ทำให้บรรยากาศภายในร้านรู้สึกผ่อนคลายและน่าสนใจ มีการใช้แสงไฟที่นุ่มนวลสร้างความโรแมนติกและอบอุ่น
อาหาร: อาหารที่นี่มีความหลากหลายและรสชาติที่อร่อย ทุกจานที่เสิร์ฟมีการนำเสนออย่างพิถีพิถัน โดยมีเมนูยอดนิยมอย่าง Chicken Tikka Masala, Butter Chicken และ Biryani ที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีอาหารมังสวิรัติที่หลากหลายสำหรับผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์อีกด้วย
บริการ: พนักงานที่นี่ให้บริการด้วยความเป็นมืออาชีพและเป็นกันเอง พวกเขาใส่ใจในรายละเอียดและพร้อมที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเมนูอาหาร รวมถึงการจัดการคำขอพิเศษต่างๆ ด้วยรอยยิ้ม
ราคา: ราคาของอาหารและเครื่องดื่มที่ Jharokha by Indus ถือว่าอยู่ในระดับกลางถึงสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพของอาหาร บรรยากาศ และการบริการแล้ว นับว่าคุ้มค่า
สรุป: Jharokha by Indus เป็นร้านอาหารอินเดียที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่มีคุณภาพในบรรยากาศที่หรูหราและเป็นกันเอง อาหารอร่อย บริการดี และบรรยากาศที่น่าประทับใจ ทำให้ร้านนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการทานอาหารอินเดียในกรุงเทพฯ
นี่คือร้านใหม่ในเครือของร้านอาหารอินเดีย Indus ร้านรางวัล LINE MAN Wongnai Users’ Choice 2024 ยิ่งแตกแบรนด์มาสู่ Jharokha by Indus บนชั้น 2 ของตึก Erawan Bangkok ยิ่งทำให้เข้าถึงแฟนคลับมากขึ้นอีก แน่นอนว่าที่นี่มีความต่างจาก Indus อยู่บ้าง ในเรื่องของบรรยากาศและสไตล์อาหารที่โมเดิร์นขึ้น
.
จาโรก้า มาในบรรยากาศของโปโลคลับในแคว้นราชสถานที่มีความหรูหราด้วยไม้มะฮอกกานี และหนัง รวมถึงรูปวาดของนกยูงที่สื่อถึงกษัตริย์และอำนาจในอินเดีย สำหรับคำว่า Jharokha มีความหมายว่า หน้าต่าง ที่ต้องการสื่อสารกับคนกินว่าที่นี่เปรียบได้กับหน้าต่างไปสู่โลกของอาหารอินเดีย
.
ส่วนคอนเซปต์ของอาหารนำเสนออินโนเวทีฟ ที่สำคัญที่นี่เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ไก่ออร์แกนิกจากคลองไผ่ในโคราช เนื้อปูจากสุราษฏร์ธานี และผักผลไม้ที่ปลูกในบ้านเรา โดยมีเชฟ Sanket Hoskote ที่เคยทำงานกับ Carnival by Tresind ร้านโมเดิร์นอินเดียในดูไบ และ Alchemy ในบังกาลอร์ อินเดีย ซึ่งไ้ดทำงานร่วมกับตำนานเชฟอย่าง Hari Nayak
.
มาที่นี่คุณสามารถเริ่มต้นที่ค็อกเทลที่บาร์ในส่วนต้อนรับ ก่อนมากินอาหารที่ห้องอาหารหลัก เราเริ่มจาก Bhuna Kalejji คุกกี้รูปกุหลาบที่ยัดไส้ด้วยปาเต้ไก่ผสมเครื่องเทศ ตามด้วย Bheja Pav เฟรนซ์โทสต์หน้าสมองแพะและมันฝรั่งทอดกรอบ Himalayan Gucchi and Khumb เห็ดมอเรลจากเทือกเขาหิมาลัยยัดไส้ครีมย่างถ่านกับเห็ดนางรมซูวีด และเกรวีเห็ดมอเรล แต่ที่ชอบเป็น Chutney platter รากบัวทอด กับนานจิ๋ว กินกับชัตเน่ต่าง ๆ
.
Batak Seekh Kebab เคบับเนื้อเป็ดย่างทันดูร์มาพร้อมกับชัตเน่สับปะรด ตามด้วย Shikari Maas ke Sule สันในแกะหมักกับพริก Mathania ส่งตรงจากราชสถาน นำไปย่างใน Kopa
.
มาที่เมนคอร์ส Champaran Gosht เนื้อแพะตุ๋นนาน 6 ชั่วโมง ในหม้อดินที่ปิดด้วยแผ่นแป้ง ทำให้ด้านในร้อนระอุ มีข้าวบริยานี นาน กาลิคนาน ให้เลือกกินด้วยกัน นอกจากนี้ยังมี Paneer Anarkli แกงกะหรี่ชีสพานีย์
.
จบด้วยของหวาน เราชอบนะไม่หวานแบบที่เคยกิน จานแรกเป็น Kesar Falooda ไอศกรีมกลิ่นกุหลาบกับโดมซัฟฟรอน Banana Kulfi ที่หน้าตาเป็นรังผึ้ง ไอศกรีมกลิ่นกล้วย กินกับน้ำผึ้งดอกลำใย และมูสมะพร้าว และ Pondi “Cherry” ที่ใช้ช็อกโกแลตจากเมือง Pondicherry มากินกับ Himachai Cherries
.
Jharokha by Indus ชั้น 2 ของตึก Erawan Bangkok
11:30 – 22:30 น.
@jharokhabyindus #wongnaivibes #trendyvibes
JHAROKHA by Indus
Address: Erawan Bangkok ชั้น 2
Open: ทุกวัน เวลา 11.00-22.30 น.
Contact: JHAROKHA by Indus
Budget: 1,000-2,000 บาท