#MadamePuja #Glitzmagazines พาจิบกาแฟชิลล์ๆ ที่ The Marshal Social Cafe คาเฟ่ที่ซ่อนตัวอยู่ใน Heritage Ville บ้านลับกลางซอยประดิพัทธ์ 13
Heritage Ville เป็นพื้นที่ Community ที่สำหรับครอบครัวมาผ่อนคลาย สำหรับเพื่อน มาพบปะ สังสรรค์ สำหรับมานั่งคุยงานหรือมานั่งทำงาน ด้วยสถาปัตยกรรมของอาคารในโครงการที่มีความโดดเด่นทำให้พื้นที่ community นี้เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบด้านศิลปะ ชอบถ่ายรูป เช่นกัน โดยมีร้านค้าในโครงการเป็น ร้านอาหาร/คาเฟ่ /ซาลอน และร้านคราฟต์เบียร์ เพื่อที่จะสามารถเลือกมาใช้บริการได้ โดยในโครงการมีพื้นที่สีเขียวเป็นสวนขนาดใหญ่ ที่สามารถมาเดินเล่นได้ ถ่ายรูปได้ สามารถพาน้องสุนัขมาจูงเดินได้ เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่ผ่อนคลายใจกลางกรุงเทพฯ ที่เข้ามาแล้วจะรู้สึกหลีกหนีจากความวุ่นวายในตัวเมืองของกรุงเทพฯ
โดยจุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการ Heritage Ville คือ ร้านค้าแต่ละร้านจะอยู่ในอาคารแต่ละอาคารที่มีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น และการตกแต่งภายในที่แตกต่างกัน และมีเรื่องราว พื้นที่ของโครงการทั้ง 2 ไร่เคยเป็นบ้านพักอาศัยของจอมพลอากาศฟื้น รณนภากาศ ฤทธาคนี อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และรองนายกรัฐมนตรี
ภายในบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง สามารถจัดกิจกรรมงานส่วนตัวได้ ร่วม 150-200 ท่าน และมีลานจอดรถที่สามารถจอดรถได้สะดวก โดยสามารถรองรับรถได้มากกว่า 25 คัน
ที่ตั้งโครงการ: บ้านเลขที่ 2 ซอยประดิพัทธ์ 13 ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท
เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
The Marshal Social Café – เดอะ มาร์แชล โซเชียล คาเฟ่
ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในอาคารทรงสถาปัตยกรรมสวยงามที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ให้บริการลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหาร้ ในบรรยากาศที่รู้สึกผ่อนคลาย ต้องการความเป็นส่วนตัว รู้สึกเหมือนอยู่บ้านและลูกค้าสายกาแฟที่ชอบดื่มกาแฟที่มีคุณภาพในสถานที่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ล้อมรอบด้วยวิวพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่
ชื่อ The Marshal Social Cafe มาจากการที่ตัวอาคารที่ตั้งของคาเฟ่ เป็นบ้านพักเก่าของท่านจอมพลฟื้น-รณนภากาศ ฤทธาคนี อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และรองนายกรัฐมนตรี และความตั้งใจที่จะให้ร้านอาหาร / คาเฟ่แห่งนี้เป็นที่พบปะสังสรรค์
การตกแต่งภายในของร้านเป็นสไตล์ Art Deco ภายในอาคารอายุ 70ปี ที่มีลักษณะเป็น Modern Classic ที่มีองค์ประกอบเป็นไม้สักทองและหินอ่อนจากอิตาลีทั้งหลัง โดยได้รับการบูรณะและออกแบบตกแต่งภายในโดยบริษัท จุติ อาร์คิเท็คส์ จำกัดซึ่งเป็นบริษัทสถาปัตย์ของคนไทยที่ได้รับรางวัลด้านการออกแบบในระดับนานาชาติมากมาย ซึ่งได้ออกแบบการตกแต่งภายในเป็น Art Deco แบบไทยตามลักษณะภายในของตัวบ้านเดิมที่มีเหล็กดัดและลวดลายบันไดชดช้อย สวยงาม สมฐานะของเจ้าของบ้านเดิม เริ่มตั้งแต่โถงทางเข้าตัวอาคารและร้าน เป็นโถงบันไดที่มีโซฟากลมตั้งอยู่โดดเด่นภายใต้โคมไฟ Chandelier สีทอง ตามมการตกแต่งโถงทางเข้าเป็นสีเขียวขลิบทองตามแบบ Art Deco โดยมีพื้นที่ปูด้วยหินอ่อนจากอิตาลี และพื้นไม้บันไดที่ทำด้วยไม้สักปูด้วยพรมแดง ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้างานเทศกาลหนังเมืองคานส์ โดยชานพักบันไดมีกระจกเงาขนาดใหญ่สะท้อนภาพให้เห็นถึงความอลังการของบันไดและราวบันไดที่มีโครงเหล็กดัดสีทองอันสวยงามและชดช้อย
ในส่วนการจัดโซนนิ่งในร้าน แบ่งเป็น 5 โซน
ชั้น 1 มี 3 โซน คือ
- โซน Blue Hall เน้นการจัดโต๊ะเพื่อรับประทานอาหาร โทนสีน้ำเงินเข้มในธีมแบบทหารอากาศ มีเปียโนโดดเด่นวางอยู่กลางร้าน โดยจะมีนักเปียโนมาเล่นให้ฟังผ่อนคลายทุกวันอาทิตย์ช่วงบ่าย 2 ถึงบ่ายสี่โมงเย็น
- โซน Cafe Hall โทนสีเทา เหมาะสำหรับนั่งดื่มกาแฟ หรือ นั่งทำงาน สามารถนั่งรับประทานอาหารได้เช่นกัน รองรับลูกค้าได้ ประาณ 20 คน
- โซนลาน Courtyard และ โซน Terrace รองรับลูกค้าได้ไม่ต่ำกว่า 40 คน เหมะกับคนที่ชื่นชอบชอบบรรยากาศแบบ Outdoor และเป็นโซนที่ลูกค้าสามารถนำสุนัขเข้ามาได้ โดยน้องจะต้องอยู่ในกระเป๋า หรือ รถเข็น หรือ มีสายจูงตลอดเวลา ลูกค้าต้องดูแลความสะอาดโดยมีอุปกรณ์ทำความสะอาดมาด้วย
ชั้น 2 มีห้องส่วนตัวให้เลือก 2 ห้อง ตั้งชื่อตามฝูงบินผาดแผลงชื่อดังอย่าง
- Red Arrow เป็นห้องตกแต่งเน้นสีแดง มีที่นั่งประมาณ 34ที่ เหมาะกับการมานั่งคุยกันกลุ่มเล็ก
- Thunderbirds เป็นห้องที่ออกเป็นโทนสีเขียว ธีมการตกแต่งเป็นธรรมชาติเน้นรูปต้นไม้และผีเสื้อ ให้ฟิลสิ่งแบบธรรมชาติ เป็นโซนที่นั่งแบบโซฟา เหมาะกับการมานั่งคุยกันกลุ่มใหญ่ขึ้นมาหน่อยสักประมาณ 5-10 คน
ทั้งสองห้อง สามารถจองเป็นห้องส่วนตัว นั่งคุยงาน พบปะ หรือสังสรรค์เป็นกลุ่มเล็กได้
ในด้านคอนเซ็ปต์อาหาร ทางร้านตั้งใจที่ให้ลูกค้าที่มาทานรู้สึกเหมือนไปทานข้าวที่บ้านเพื่อน แล้วมีแม่เพื่อนทำอาหารให้กิน เมนูที่ทางร้านเสนอเลยเป็นแบบอาหารแบบ casual diningโดยมีทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง และสามารถกลับมาทานได้บ่อย ๆ ในราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 120 บาท โดยจานที่แนะนำได้แก่ “เพนเน่ปลาสลิดซอสเขียวหวาน” และ “สปาเก็ตตี้ไส้อั่ว” ซึ่ง
เป็นการผสมผสานระหว่างอาหารฝรั่งโดยเติมรสชาติแบบไทย ๆ
และเนื่องจากมีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าประจำของร้านมากมาย ในอนาคตอันใกล้ ทางร้านจะมีนำเสนออาหารเพิ่มอีก ได้แก่ สเต็กเนื้อวัวและสเต็กเนื้อแกะ ชุดอาหารเช้า ทั้งแบบคลาสสิคและแบบฝรั่ง แฮมเบอร์เกอร์ รวมถึงอาหารมังสวิรัติ สำหรับผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วยเช่นกัน
พอทานอาหารอิ่ม ทางร้านยังมีนำเสนอของหวานให้ทานต่อ โดยเมนูที่แนะนำของร้านเป็นเมนูของหวานแบบคลาสสิคที่ใช้วัตถุดิบอย่างดีในการทำเช่น ไอศกรีมกะทิชันเดย์ราดซอสข้าวโพด หรือบานาน่าสปลิท ที่ทานแล้วรู้สึกได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
ส่วนเรื่องเครื่องดื่ม ก็เป็นอีกส่วนที่ทางร้านชีเรียสไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องกาแฟ ทางร้านมีให้บริการทั้งแบบ Espresso bar และ Slow Bar โดยมีบาริสต้ามืออาชีพที่ทำหน้าที่ส่งต่อกาแฟคุณภาพดีให้กับลูกค้า
โดยเมนูที่แนะนำเป็นเอกลักษณ์ของร้าน เช่น อเมริกาโน่น้ำผึ้งนางพญาออแกนิค ส่วนเครื่องดื่มกาแฟร้อน เช่น ลาเต้ร้อน บาริสต้าของร้านก็จะประดิษฐ์ลวดลายลงบนผิวของกาแฟอย่างสวยงามให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปก่อนลิ้มรสด้วย
เมนูกาแฟอีกอย่างที่ถือเป็นชิเนเจอร์ของร้านที่ทางร้านคิดขึ้นมาเอง ได้แก่ The Red Arrow ก็เป็นเมนูกาแฟที่ลูกค้าให้การตอบรับอย่างดีและเป็นที่นิยม อยากให้ลองกัน นอกจากนั้นกาแฟ cold brewใส่ในขวดแก้วทรงขวดน้ำหอมก็เป็นเมนูที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอเช่นกัน
สำหรับลูกค้าที่ไม่ทานกาแฟ ทางร้านก็มีเมนูอื่นให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มโซดากลิ่นต่าง ๆ ซึ่งทางร้านจะตกแต่งมาให้พร้อมถ่ายรูป และเมื่อดื่มแล้วก็จะทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มประเภทไอศกรีมโฟลตให้คลายร้อน เช่น แพสชั่นฟรุ้ตโซดาวนิลลาโฟลต ที่ดื่มแล้วได้ความรู้สึกทั้งซ่าและนุ่มด้วยฟองไอศกรีมไปพร้อม ๆ กัน
The Marshal Social Cafe เปิดทุกวัน 11:00 – 21:00 น.
รายละเอียดเพิ่ม หรือ จองโต๊ะ โทร 061-418-8880 หรือ LINE ID: marshalcafe
Facebook /marshalsocialcafe
Salon de Marshal- ซาลอน เดอ มาร์แชล
ร้านซาลอนเดอมาร์แชลเป้นร้านซาลอนระดับพรีเมี่ยมที่รับบริการทำผมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตัดสระ ไดร์ ยืด ดัด ทำสี ทำทรีตเมนต์ โดยทางร้านเลือกแต่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพพรีเมี่ยมในระดับที่ดีที่สุดเพื่อนำมาให้บริการลูกค้าเท่านั้น เริ่มตั้งแต่แชมพูและครีมนวดผม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ด้านผมที่ใช้ในร้านทั้งหมด
บรรยากาศในร้าน เมื่อมาใช้บริการเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าร้านก็จะมีความรู้สึกเป็นส่วนตัวสูง รู้สึกถึงความเป็นเอกสิทธิ์ ตัวร้านตั้งอยู่ในอาคารทรงไทยที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นขนาดกระทัดรัดที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่ในรูปแบบ Thai Contemporary สีขาวสะอาดตา มีกระจกใสล้อมรอบอาคาร ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้มารับบริการท่ามกลางพื้นที่สีเขียวที่อยู่ล้อมรอบร้าน ตัวอาคารและภายในถูกออกแบบโดยบริษัท จุติ อาร์คิเท็คส์ จำกัด โดยตกแต่งเป็นโทนสีขาวทองแบบ Thai Art Deco ที่ทำให้รับรู้ถึงความโปร่ง สะอาด สบาย และอบอุ่น
อีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือส่วนสระผม เป็นเตียงสระแบบนอนราบมีที่พักเท้า ล้อมรอบห้องสระผมเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว ให้อารมณ์แบบสระผมอยู่ในสวนอะไรประมาณนั้น บริเวณรอบร้านมีลานคอร์ตยาร์ดขนาดพอประมาณ ให้ได้เดินเล่นกินบรรยากาศ ถ่ายรูป Check-in พร้อมผมทรงใหม่ได้ นำทีมโดยช่างต้น ณัฐพล เข็มเพชร ช่างผมผู้มีประสบการณ์นับสิบปี ในการทำผมให้กับเหล่าเซเล็บ ดารา นักร้อง นักธุรกิจ มากมาย
ราคาเริ่มต้นตัดผม 1,000 – 1,400 บาท ขึ้นกับความยาว (นัดคิวล่วงหน้าเท่านั้น)
Salon de Marshal : เปิดทุกวัน เวลา 12:00 – 21:00 น. (ปิดทุกเว้นวันพุธ)
สนใจปรึกษาหรือนัดคิวได้ที่ ☎ 065-936-9000 📱 Line ID: salondemarshal
Facebook : salondemarshal
Eight Days A Week Home Bar
ช่วงเย็นยัง Hang Out ต่อกันได้ที่ ร้าน Eight Days A Week Home Bar ร้านคราฟต์เบียร์ บรรยากาศอบอุ่น เจ้าของร้านเป็นกันเอง ดูแลใกล้ชิด ไม่ได้มีดีแค่เครื่องดื่มอย่างเดียว อาหารก็รสชาติยังเด็ดอีกด้วย เปิดทุกวัน 17:00 – เที่ยงคืน (ช่วงนี้เปิดถึง 21:00)
Heritage Ville (เฮอริเทจ วิลล์ ) เลขที่ 2 ซอยประดิพัทธ์ 13 ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
- แผนที่บน Google Maps: https://goo.gl/maps/aCCUASYAWVYCGL7h8
- เดินทางด้วย BTS ลงสถานีสะพานควาย เดินจากแยกสะพานควาย มุ่งหน้าเข้าซอยประดิพัทธ์ 13 (จุดสังเกต ปากซอยเป็นธนาคารกรุงไทย)
- มีลานจอดรถรองรับได้ 25 คัน
- รองรับการจัดกิจกรรมส่วนตัวได้ถึง200 คน ทั้ง Indoor และ Outdoor
- เปิดบริการเปิดทุกวัน 11:00 – 24:00 (อาจมีเปลี่ยนแปลงขึ้นกับเวลาทำการของร้านในโครงการ)
- โทร 061-418-8880, 02-010-0747
- Page Facebook : https://www.facebook.com/heritageville