ฟรองซัวส์ นาร์ส ผู้ก่อตั้งแบรนด์ NARS ยังคงอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์มาจนถึงทุกวันนี้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจความงามและการแข่งขันที่สูงในโลกปัจจุบัน แต่ NARS ยังคงเป็นแบรนด์เมคอัพชั้นนำที่ยังคงยืนหยัดอยู่อันดับต้นๆ ของโลก โดยมีบุคคลสำคัญของแบรนด์ ฟรองซัวส์ นาร์ส ที่ยึดมั่นในปรัชญาความงามของเค้ามากว่าสองทศวรรษ และปัจจุบันยังคงทำงานร่วมกับแบรนด์เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอยู่เสมอ รวมถึงการร่วมก้าวเข้าสู่การเฉลิมฉลองความสำเร็จของแบรนด์ในปี 2019 นี้
“แน่นอน ธรรมชาติสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผมได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมโชคดีพอ ที่จะได้เป็นเจ้าของเกาะแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ท่ามกลางหมู่เกาะโบรา โบร่า การได้พักอยู่ที่นั่นสักสองหรือสามเดือนต่อปี ก็สามารถก่อแรงบันดาลใจมหาศาลให้แก่ผม สีสันต่างๆ ในดินแดนแห่งนั้นล้วนโดดเด่น เป็นหนึ่ง เต็มไปด้วยพลัง ไม่ว่าจะเป็นแอ่งทะเลสาบน้ำเค็ม หรือลากูนสีฟ้าสด กับบรรดาสัตว์เมืองร้อนหายาก เหล่านี้ช่วยให้ผมได้ออกแบบสีของอายแชโดว์ หรือลิปสติกได้อย่างพลิกความคาดหมาย ผมชอบเดินเล่นไปตามถนนหนทาง และเฝ้ามองผู้คนทั้งหลาย ทุกอย่างล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผมได้ทั้งนั้น ผมอาจเห็นดอกไม้สักดอก แล้วก็บอกว่า “ฉันอยากได้สีเขียวอ่อนเฉดนั้นมาเป็นสีอายแชโดว์จัง” ผมเปิดกว้างให้แก่กระบวนการกลั่นกรองความคิดที่หลากความเป็นไปได้ ผมไม่เคยปิดกั้นตัวเอง จิตใจของผมเปิดรับทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลา” – ฟรองซัวส์ นารส์
โดยโอกาสนี้ ทางนาร์ส ประเทศไทย ได้เชิญ มิ้น ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง เป็นตัวแทนจากไทย เดินทางสู่เกาะ โมตู ตาเน่ (Motu Tane) เพื่อร่วมงานที่จัดอย่างเอ็กคลูซีฟ
Motu Tane ซึ่งเป็นเกาะตั้งอยู่ห่างจากเกาะหลักโบรา โบร่า ในกลุ่มประเทศเฟรนซ์ โพลีนีเซีย ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นหนึ่งในหมู่เกาะ Society Islands ในกลุ่มของ French Polynesia ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสในแปซิฟิกใต้ แถบนี้ยังประกอบด้วย Marquesas Islands, Tuamotu Archipelago, Gambier Islands , Austral Islands และ Bass Islands ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น เกาะสวาทหาดสวรรค์ ที่ซึ่งธรรมชาติยังไม่ถูกรุกราน สวยงามเกินคำบรรยาย เกาะในบริเวณนี้ มีลักษณะที่เรียกว่า Atoll หรือเกาะที่เกิดจากปะการัง โดยลักษณะจะเป็นวงแหวนแผ่นดินล้อมรอบ และตรงกลางเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วและจะค่อยๆ จมลงไปในทะเล โดยใช้เวลาอีกหลายร้อยปี ส่วนน้ำที่อยู่ภายในวงแหวนภายใน เรียกว่า Lagoon ซึ่งน้ำทะเลในนี้ จะมีสีเทอร์ควอยซ์สวยสดงดงามอย่างยิ่ง พงไพรเขียวชอุ่มถูกรายล้อมด้วยหาดทรายสีทองคำขาวสุกสกาวกลางแสงแดด ไม่ต่างอะไรจากมรกตน้ำงามกลางตัวเรือนแพลทตินัมที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางท้องน้ำสีฟ้าใสไล่เฉดจนถึงเขียวหยกก่อนกลายเป็นสีน้ำเงินไพลินล้ำลึก
ในอดีต ที่นี่เคยเป็นบ้านเกิดของนักมานุษยวิทยาและนักสำรวจขั้วโลกเหนือ ปอล เอมิล วิกตัวร์ ก่อนที่ ฟรองซัวส์ นารส์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ NARS (นาร์ส) จะตัดสินใจซื้อเกาะแห่งนี้ไว้เป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวในปี 1991 เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและรับรองมิตรสหายกับครอบครัว ด้วยการร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับคริสเตียน แลย์แฌร นักออกแบบตกแต่งชาวฝรั่งเศสชื่อดัง และปาสกาล กริบิเอร์ นักภูมิทัศน์ประจำแวรซายส์ รวมถึงกลุ่มวิศวกรจากฝรั่งเศส และบรรดานักนิเวศวิทยาจากออสเตรเลีย นาร์สได้เนรมิตเกาะแห่งนี้ให้กลายเป็นรีสอร์ทสุดหรู ในขณะเดียวกัน ก็ยังอนุรักษ์ความงดงามตามธรรมชาติ ตลอดจนสมดุลของระบบนิเวศอันแสนเปราะบางของโมตู ตาเน่ ไว้ให้ครบถ้วนดังเดิม ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อันได้มาตรฐานระดับสูงอย่างพิถีพิถัน พร้อมกับลงต้นมะพร้าว ซึ่งเติบโตได้ที่กว่า 1,500 ต้นลงในพื้นที่รายรอบ อีกทั้งกรินิเอร์ยังออกแบบแปลงปลูกเฟิร์มทรงวงรีไล่ระดับ จนดูเหมือนระลอกคลื่นในแอ่งทะเลสาบน้ำเค็มยามลมพัดใบเฟิร์นให้พลิ้วไหว
ในโอกาสพิเศษนี้ อินฟลูเอนเซอร์จากทั่วโลกจะสัมผัสและเข้าใจเกี่ยวกับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของนาร์ส
ผลิตภัณฑ์ที่ฟรองซัวส์ นาร์ส ได้แรงบันดาลใจ อาทิ
1. Tropic Single Eyeshadow:
เป็นสีอายแชโดว์ สีฟ้าสีเดียวที่อยู่ในความคิดของฟรองซัวส์
“ผมใช้เวลาส่วนหนึ่งที่โมตุ ตาเน่ เฟรนซ์ โพลีนีเซีย ซึ่งที่นี่มีสีฟ้าที่งดงามเกินคำบรรยาย สีฟ้าสดผสมกลิตเตอร์สีเงินนี้ มันคือสีฟ้าของท้องทะเล ยามมีแสงแดดสะท้อนคลื่น”
2. Pure Radiant Tinted Moisturizer SPF 30/PA+++
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรองพื้น กุญแจสู่ประสิทธิภาพของรองพื้นนั้นอยู่ที่ส่วนผสมที่มาจากผืนน้ำของประเทศโพ้นทะเล French Polynesia (เฟรนช์ โพลีนีเชีย) อันเป็นที่รักยิ่งของฟรองซัวส์ ที่ที่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่บนเกาะของเขา ส่วนผสมเหล่านี้ประกอบไปด้วย Kopara (โคพารา) polysaccharides ธรรมชาติที่ให้ความชุ่มชื้น บำรุง และช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ, Oceana Saffron พืชที่มีชื่อเสียงในการเป็นantioxidant และ มอบความรู้สึกผ่อนคลาย และ Galaxaura สาหร่ายทะเลลึกสีแดงที่พบได้ในทะเลสาบของหมู่เกาะที่เลื่องชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของแคลเซียม วิตามิน เอ และอี และเบต้า-แคโรทีน และที่ยังพบได้ในสูตรนี้อีกคือ Sea Water และ Ascorbyl Glucoside อนุพันธ์วิตามิน ซีที่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสและปกป้องผิวจากประสิทธิภาพของ antioxidant เพื่อฟื้นบำรุง มอบผิวแลดูสุขภาพดี
3. Monoi Body Glow และ Body Glow
เป็นน้ำมันบำรุงผิวเนื้อบริสุทธิ์ที่ NARS ได้รังสรรค์ขึ้นจากเคล็ดลับความงามของหญิงสาวชาวตาฮิติ ผู้มีผิวพรรณสวยงามเนียนละเอียดหาตัวจับยาก โดยมีเคล็ดลับความงามจากการบำรุงผิวด้วย Monoi de Tahiti Oil (โมนอย เดอ ตาฮิติ ออยล์) มานานนับศตวรรษ โมนอยเป็นน้ำมันสูตรพิเศษที่เกิดจากการนำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ของตาฮิติ หมักกับดอกเตียอาเร (ราชินีดอกไม้ของชาวโพลีนีเซีย ที่เติบโตบนผืนดินภูเขาไฟที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุบนเกาะตาฮิติและโบราโบรา) เหตุนี้จึงทำให้ Monoi Body Glow และ Body Glow อุดมไปด้วยคุณค่าการบำรุงและให้ความรู้สึกผ่อนคลายผิว มอบความชุ่มชื้น
ปกป้อง และถนอมผิวหลังการออกแดด อีกทั้งเนื้อผลิตภัณฑ์ยังซึมซาบสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมือนออยล์ทั่วไป
มีให้เลือกสองแบบ
1. Manoi Body Glow II น้ำมันโมนอยบริสุทธิ์สีเหลืองทองอร่ามตาพร้อมดอกเตียอาเร ใช้บำรุงผิว เพื่อความชุ่มชื้น และใช้บำรุงผมหรือจัดแต่งทรงผมได้อีกด้วย
2. Body Glow น้ำมันโมนอยที่ผสานประกายแวววาวของชิมเมอร์สีช็อกโกแล็ตเพื่อผิวพรรณที่งดงามมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของวานิลลาบริสุทธิ์เพื่อสะท้อนถึงความหอมอันเป็นธรรมชาติ
3. Monoi Scented Candle เทียนหอมกลิ่นใหม่ ปราศจากพาราฟินเพื่อลดการเกิดเขม่า และสารคาร์บอนปนเปื้อนในอากาศ ผสมผสานหัวน้ำหอมโมนอย สัญลักษณ์แห่งความหรูหราประจำเฟรนซ์ โพลีนีเซีย
สำหรับมิ้นต์ ชาลิดา การเดินทางมาเยือน โมตุ ตาเน่, โบรา โบร่า เฟรนซ์โพลีนีเซีย ครั้งนี้ คือประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ความประทับใจในท้องทะเลสีฟ้าหลากหลายตั้งแต่สีเทอร์ควอยซ์จนถึงสีน้ำเงินทะเลล้ำลึก มันคือการเดินทางที่แสนพิเศษ การเดินทางที่ไม่ได้ให้คุณค่าแค่ความงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของธรรมชาติ แต่มาพร้อมกับเรื่องราวของชีวิตในอีกซีกโลกหนึ่งของชาวโพลีนีเซียท้องถิ่น ที่ยิ้มแย้มแจ่มใสให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นจริงใจและยังคงภาคภูมิใจในรูปแบบประเพณีดั้งเดิมอยู่เสมอ เธอได้มาสัมผัสกับสิ่งที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ฟรองซัวส์ นาร์ส ได้หลงรักและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเค้า และยังคงเป็นพลังที่จะผลักดัน การก้าวย่างเข้าสู่ยี่สิบห้าปีของความสำเร็จของแบรนด์ นาร์ส อย่างงดงาม
